บทที่ 3 ตอนที่ 3
ภูษามองลูกสาวทำงานอีกสักพักหนึ่งก็ปลีกตัวเข้าไปในห้องนอนที่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยตู้เสื้อผ้า แม้ที่นอนหมอนมุ้งจะเก่ามากแต่ก็คงไปด้วยความสะอาดสะอ้าน เพราะแพรไหมจะเก็บไปซักในทุกๆ อาทิตย์หรือวันไหนก็ตามที่พอมีเวลา
หญิงวัยกลางคนล้มตัวลงนอนบนฟูก พยายามจะข่มตาให้หลับแต่ภาพในอดีตกลับผุดขึ้นมาในหัวราวกับดอกเห็ดในหน้าฝน
เด็กผู้หญิงใจแตกคนหนึ่งที่ตั้งท้องในวัยเรียนก่อนจะตัดสินใจหนีตามชายคนรักมา ความรักมันบังตาจนมืดบอด ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดอะไร จะบอกอะไร หล่อนเชื่อทุกอย่าง แรกๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อเงินที่หล่อนขโมยจากครอบครัวติดตัวมาหมดเกลี้ยงไป คราวนี้แม้แต่หยดน้ำผึ้งก็ยังขมปี๋
หล่อนกับผู้ชายคนนั้นซึ่งก็อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันทะเลาะกันแทบทุกวัน ก่อนที่มันจะหนีจากไปมีผู้หญิงคนอื่น หล่อนยังจำได้ดีกับเหตุการณ์ในวันนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้หล่อนต้องสูญเสียลูกคนแรกไปอย่างไม่มีทางได้กลับคืนมา
หล่อนแท้ง... เพราะถูกไอ้ผู้ชายที่เคยบอกว่ารักหนักหนา จะรักไปตลอดชีวิตผลักตกบันได โชคดีที่หล่อนไม่สาหัสถึงตาย แต่ลูกในท้องไม่รอด หล่อนเสียใจไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่พักใหญ่ อยากจะกลับไปบ้านแต่ก็ไม่กล้าจำต้องเดินหน้าต่อไปเพียงลำพังในโลกแห่งความมืดมน
หลังออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่เดือนหล่อนก็ไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เงินเดือนน้อยนิด แต่ทิปจากลูกค้าดีมากเลยทีเดียว กอปรหน้าตาที่สะสวยและอายุยังน้อยของหล่อนทำให้แขกต่างพากันอยากจะพูดจะคุยด้วย จากพนักงานเสิร์ฟจึงเลื่อนขึ้นมาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเป็นหญิงแฝงขายบริการ ช่วงนั้นได้เงินเยอะมาก ได้มาง่ายๆ จากผู้ชายที่แวะเวียนมาติดพัน หล่อนได้ใจจึงใช้เงินไม่ยั้ง เพราะคิดว่ายังหาได้อีกเรื่อยๆ หล่อนทำงานแบบนั้นอยู่เกือบสามปี จนในที่สุดก็มีเด็กใหม่ที่สวยและสดกว่าเข้ามา ลูกค้าเริ่มหันเหความสนใจไปยังเด็กใหม่แทน และหล่อนก็ถูกหมางเมินในที่สุด
แม้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หล่อนก็ยังไม่สำนึก หล่อนลาออกจากงานที่เดิมไปสมัครที่ใหม่ ใหญ่กว่า และด้วยความที่มาใหม่ทำให้แขกสนใจ สุดท้ายหล่อนก็ตัดสินใจให้เสี่ยเลี้ยงดู ช่วงนั้นสบายมาก ไม่ว่าหล่อนอยากจะได้อะไรเสี่ยแก่ๆ ก็หามาประเคนให้ทุกอย่าง แต่ความสุขมันก็อยู่กับหล่อนไม่เคยนานเช่นเดิม เพราะเพียงแค่ปีเดียวเสี่ยที่เลี้ยงดูหล่อนก็ถูกเมียยิงตายเพราะจับได้ว่ามีกิ๊ก หล่อนจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะหวาดกลัวว่าจะถูกตามมาฆ่า โดยหารู้ไม่ว่าในตัวของหล่อนกำลังมีแพรไหมอยู่ในท้อง
หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาอาบแก้ม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และเวลาไม่เคยหยุดหมุนฉันท์ใด ในหัวของหล่อนก็ไม่เคยหยุดคิดถึงความชั่วความเลวของตัวเองฉันท์นั้น ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ หล่อนจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อ จะไม่ดื้อรั้นกับแม่ และจะไม่หนีตามผู้ชายมาแบบนี้
ภูษาสะอื้นไห้เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองได้ข่าวว่าพ่อกับแม่ของตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว หล่อนเคยคิดจะไปกราบกระดูกของพวกท่าน แต่ก็เกรงว่าจะมีใครจดจำได้ หล่อนอับอายเกินกว่าจะกลับไปเผชิญหน้ากับใครได้อีก โดยเฉพาะวัตถา คู่แฝดของตัวเอง
“วัตถา... เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว...”
หยาดน้ำตาหลั่งรินจากดวงตาลงสู่พวงแก้มจนสุดท้ายก็ไปเปียกซึมอยู่กับหมอนใบเก่าที่ใช้หนุนอยู่ หัวใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานเหลือเกิน
เท้าเล็กในรองเท้านุ่มแบบที่ใช้สวมใส่เฉพาะยามอยู่ในบ้านชะงักกึกเมื่อหนทางที่คิดว่าโปร่งโล่งผ่านตลอดกลับปรากฏร่างสูงใหญ่ของใครบางคนขึ้นมา
“อาแพท”
พันเนตร แบนเดอราส หรือที่หลานสาวอย่างพรวดี แบนเดอราส มักเรียกติดปากเสมอว่า ‘อาแพท’ ยืนตระหง่านพร้อมกับกอดอกด้วยท่าทางเคร่งขรึม นัยน์ตาคมกริบสีสนิมวาววับไปด้วยความไม่พอใจ
พรวดียิ้มเจื่อนๆ หน้าตาซีดเผือดเพราะไม่คิดว่าพันเนตรจะกลับบ้านมาเร็วกว่าตัวเองแบบนี้ แต่หล่อนไม่มีทางยอมถูกดุง่ายๆ หรอก
“นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว พั้น”
“เอ่อ แค่สี่ทุ่มครึ่งเองค่ะอาแพท”
“ใช้คำว่าแค่หรือ?”
แม้น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอสีแทนสวยของพันเนตรจะแผ่วเบาแต่มันดุดันจนพรวดีอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เพราะหลังจากที่บิดาซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของพันเนตร และมารดาประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิตกันทั้งสองคน หล่อนก็อยู่ในความดูแลของพันเนตรมาตั้งแต่ห้าขวบจนถึงตอนนี้อายุยี่สิบสองปีเต็มแล้ว
พันเนตร แบนเดอราส คือผู้ปกครองจอมเฮี๊ยบของหล่อนนั่นเอง
“ก็... ก็พั้นมีรายงานที่ต้องทำนี่คะอาแพท ไม่ทำก็ไม่ได้”
พรวดีโกหกคำโตความจริงหล่อนไปเที่ยวกับรุ่นพี่ต่างคณะต่างหาก รุ่นพี่คนนี้หล่อนแอบตกหลุมรักมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแล้ว แต่พึ่งได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันจริงๆ ก็เมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง จนตอนนี้ได้ตกลงคบหากันแล้ว หล่อนดีใจมาก จนยอมแม้กระทั่งเสียตัวให้กับรุ่นพี่คนนี้
“ทำรายงานก็ไม่น่ากลับดึกขนาดนี้นี่ แล้วนี่ไปทำที่ไหน กับเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“เอ่อ เพื่อนผู้หญิงค่ะ”
พรวดีรีบตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซบหน้ากับต้นแขนของอาแท้ๆ อย่างประจบประแจง
“อาแพทก็รู้นี่คะว่าพั้นไม่เคยคบหาเพื่อนผู้ชายเลย ทุกวันนี้แทบจะไม่เคยพูดคุยกับผู้ชายเลยนะคะ พั้นเชื่อฟังคำสั่งสอนของอาแพทเสมอค่ะ”
